เมื่อเข้ามาด้านในของเซนทรัลทาวเวอร์แล้ว จะพบว่าด้านในนี้เป็นมิติลี้ลับที่มีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากด้านนอกอย่าง สิ้นเชิง เราจะเจอเหตุการณ์ที่ฟัลซิเอเดนโผล่มาแบบเงียบๆ ไม่ให้ซุ่มให้เสียง แล้วก็ช่วยสร้างจุดวาร์ปให้กับเรา จุดวาร์ปทางซ้ายเป็นการออกไปนอกเซนทรัลทาวเวอร์ กลับสู่เมืองเอเดนนั่นแหละ จุดวาร์ปตรงกลางด้านหลัง เป็นการวาร์ปไปทางเข้าห้องบอสใหญ่ ซึ่งยังใช้ไม่ได้จนกว่าจะจบเกม จุดวาร์ปทางขวาเป็นการกลับไปยังแกรนพัลส์ บริเวณมีเดียแคมป์ ที่เราไปชุมนุมกันในตอนแรกที่ไปถึง เรื่องจุดวาร์ปนั่นช่างมันไปเถอะ ยังไงก็ยังไม่ได้ใช้ ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือการวิ่งไปตามทาง สำรวจรูปปั้น สู้บอส วิ่งไปตามทางใหม่ สำรวจรูปปั้นใหม่ สู้บอส ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะไปถึงห้องบอสใหญ่ หมายถึงห้องของบัลโทอัลเดลุส ที่มันออกคำสั่งให้พวกเราทำลายโคคูนน่ะครับ ระหว่างทางจะเจอบอส 3 ชุดด้วยกัน ซึ่งชุดแรกเป็น BOSS:แจปเบอร์วอล์ค กับ บันดาน่าสแนช พวกมันมีรูปร่างเหมือนบอสเอนริลกับเอนคิ ที่เราเคยสู้มาแล้วทุกประการ เพียงแต่สีของร่างกายกลับแตกต่างกันออกไป วิธีการสู้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เล่นไปตามปกติก็ชนะ
ผ่านจากเจ้าสองตัวนี้มาได้ ก็จะเจอกับ BOSS:อูลาดิซุส นักดาบนรกที่มีท่าไม้ตายอันร้ายกาจ ปกติมันจะฟันใส่พวกเราทีละคน ทำความเสียหายเกือบสองพัน เราจึงควรร่ายบัฟโพรเทคให้เพื่อนทุกคนไว้ตลอดเวลา นอกจากนี้เวลามันจะใช้ท่าไม้ตาย มันจะใช้เวทดีบัฟใส่เราก่อน แล้วค่อยตามด้วยท่าไม้ตาย หากโดนเข้าไปจะเกิดความเสียหายเกินเก้าพันแน่ๆ ถ้า Leader โดนเข้าไปจังๆ ยังไงก็เกมโอเวอร์ ดังนั้นถ้าเห็นมันใช้ดีบัฟใส่เรา ให้รีบเปลี่ยนเพื่อน 2 คนมาเป็น Healer ทันที เพื่อที่เพื่อนทั้ง 2 จะได้ช่วยกันร่ายเอสน่าแก้ดีบัฟให้เราได้ทัน หากโดนท่าไม้ตายเข้าไปในสภาพที่เราไม่ติดดีบัฟแล้ว ก็จะเกิดความเสียหายแค่สามพันเท่านั้น แนะนำให้ใช้สโนวเป็น Leader เพราะมีพลังชีวิตสูงสุด และควรเปลี่ยนเป็น Defender ในตอนที่บอสจะใช้ท่าไม้ตายใส่สโนว แค่นี้ก็จะรอดตายได้แน่นอนครับ
เสร็จจากบอสตัวนี้แล้ว ไปตามทางอีกก็จะเจอ BOSS:หุ่นยนต์เทียแม็ต ที่มีรูปแบบการต่อสู้เหมือนพราวด์แคลด ก็เล่นไปตามสูตรเดิมแล้วจะผ่านได้ครับ
ผ่านจากเทียแม็ตมาได้ก็จะเจอห้องสีขาว.... ห้องแบบที่ใช้ในอาร์ทเวิร์ครูปไลท์นิ่งนั่งไขว่ห้างบนโซฟาน่ะครับ ในห้องนี้จะมีจุดเซฟจุดสุดท้ายตั้งอยู่ หลังจบเกมแล้วเราจะมาโผล่ที่จุดเซฟจุดนี้แหละ และเจ้าจุดวาร์ปที่อยู่หน้าดันเจี้ยนนี้ก็เชื่อมต่อกับห้องนี้นั่นเอง ทุกคนจะเดินขบวนเข้าไปในห้องด้านในสุด แต่กลับไม่พบใครนั่งอยู่บนบัลลังค์ ท่ามกลางความตะลึงงั้น จู่ๆ คริสตัลของแดจซ์และเซร่าก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เสียงของกาเรนธ์ ไดสรี่ดังกงวานขึ้นมาพร้อมกับความน่าสะพรึง มันปรากฏตัวขึ้นมา แล้วใช้ไม้เท้าเคาะลงไปบนพื้น เพียงเท่านั้น... คริสตัลของแดจซ์และเซร่า ก็แตกสลายไป... สโนวที่เห็นภาพดังนั้นก็โกรธจัดมาก จึงวิ่งเข้าไปจะต่อยใส่ไดสรี่ แต่ก็ติดบาร์เรียของมันอีกแล้ว สโนวที่กระเด็นออกมาได้ไลท์นิ่งช่วยพยุงขึ้นมาให้ เธอบอกสโนวว่าไม่ต้องห่วงหรอก เซร่าน่ะยังอยู่ที่นี่เสมอ ในคริสตัลหยดน้ำตาของเซร่านี้ ส่วนซัสซ์เองก็ยื่นลูกโจโคโบะมาให้ ราวกับจะบอกว่าแดจซ์เองก็ยังมีชีวิตอยู่ด้วย กาเรนธ์ ไดสรี่ จะกล่าวยินดีต้อนรับการกลับมาของลูซิทุกคน มันบอกว่ามนุษย์และมนุษย์ มนุษย์และปิศาจ โคคูนและพัลส์ ต้องทำสงครามกันไปตลอดไม่มีวันจบสิ้น มันอยากจะใช้พวกเราให้ทำลายโคคูน สถานที่อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของมนุษย์ทั้งหมดทิ้ง เพื่อที่ทุกอย่างจะได้จบสิ้นไป แต่พวกเรากลับปฏิเสธ ไลท์นิ่งบอกว่าเธอเองก็จะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้ได้ ว่าแล้วกาเรนธ์ก็เลยแปลงร่างเป็น BOSS:บัลโทอันเดลุสเข้ามาห้ำหั่นกับเราอีกครั้ง พลังชีวิตราว 5 ล้าน ชนะได้ไม่ยาก
พอชนะแล้วบัลโทอันเดลุสจะตกลงไปในน้ำ ไลท์นิ่งจะพูดขึ้นมาว่า จบแล้วเหรอ? สโนวก็จะยกแขนขึ้นร้องโย้ชดังๆ ฟางกับวานิลลาก็แตะมือกัน ทุกคนจะดีใจกันมากที่ปราบราชาแห่งฟัลซิได้จริงๆ แล้ว... แต่ไลท์นิ่งกลับรู้สึกแปลกๆ แล้วเธอก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านบน นกตัวหนึ่งที่เราเห็นมันอยู่กับกาเรนธ์เป็นประจำ โบยบินไปมาเหนือห้องแห่งนั้น ว่าแล้วนกน้อยกลอยใจที่จริงๆ แล้วเป็นร่างแทนของฟัลซิออฟาน ฟัลซิที่คอยค้ำจุนโคคูนอยู่ ก็บินลงไปในน้ำที่ฟัลซิบัลโทอันเดลุสตกลงไป... ฟัลซิออฟานหลอมรวมเอาพลังของบัลโทอัลเดลุสเข้าไป แล้วผุดขึ้นมาจากน้ำ เสียงของมันในตอนนี้จะเป็นเสียงของผู้หญิงและผู้ชายพูดประสานกัน มันเข้าโจมตีพวกเราหมายจะกำจัดพวกเราทุกคนทิ้ง เราจึงต้องสู้กับบอส BOSS:オーファン ฟัลซิออฟานที่มีพลังชีวิต 6.78 ล้าน ในการสู้กับออฟานนั้น เริ่มมามันจะใช้ท่า "การพิพากษาไร้ใจ" ที่ทำให้ทุกคนในกลุ่มอยู่ในสภาพใกล้ตาย ให้เรารีบเปลี่ยนมาใช้ระบบ Healer 2 คนเพื่อเติมพลังให้เต็มในทันที หากเปลี่ยนช้ามันจะโจมตีหมู่ซ้ำจนทำให้เรา Game Over ได้ พอเติมพลังแล้วจากนั้นจึงค่อยสู้กับมันตามปกติ พยายามใส่บัฟให้กับตัวละครอย่างสม่ำเสมอ จะใช้ดีบัฟใส่มันตามโอกาส เมื่อใดที่มันใช้ท่าไม้ตายคำพิพากษาไร้ใจก็ให้เรารีบเปลี่ยน Optima มาเติมพลังให้ทัน แล้วระวังเรื่องการทำเชนไว้ด้วย เพราะหลังจากมันใช้ท่าไม้ตาย เชนที่เราทำไว้จะกลับไปเริ่มต้นใหม่ ถ้ามันใช้เวทเดธใส่ ก็ให้เราใช้ศรัทธาภาวนาขอให้มันใช้ไม่ได้ติดด้วย... อาเมน
หลังชนะออฟานได้ มันจะปล่อยคลื่นพลังออกมาทำให้ทุกคนกระเด็นไปไกลและบาดเจ็บกันสาหัส มันจะร่ายเวทจับวานิลลาไว้ แล้วเล่าให้ฟังว่าที่จริงแล้ว 500 ปีก่อนในตอนที่ฟัลซิจะกวาดล้างพัลส์ พวกมันก็ให้วานิลลาเป็นคนเรียกแร็คนาร็อคออกมา ซึ่งวานิลลาก็ทำได้สำเร็จ พัลส์จึงล่มสลายลงโดยมีผู้รอดชีวิตสองคนคือวานิลลาและฟาง ทั้งสองที่ทำหน้าที่สำเร็จได้กลายเป็นคริสตัล ต่อมาฟัลซิก็ได้สร้างโคคูนขึ้นมาเป็นที่อยู่ใหม่ให้กับมนุษย์แทน มนุษย์ได้เริ่มต้นชีวิตและสร้างอารยธรรมกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ในตอนนี้ที่มันปลุกฟางกับวานิลลาขึ้นมาจากสภาพคริสตัลก็เพื่อให้ทั้งสอง คนช่วยกันเรียกแร็คนาร็อคขึ้นมาอีกรอบ เพื่อที่คราวนี้จะได้ทำลายโลกโคคูนให้มันล่มสลายไป เพื่อยุติทุกสิ่งทุกอย่าง การมีอยู่ของ มนุษย์ ปิศาจ โคคูน พัลส์ ให้สงครามทั้งหมดจบสิ้นไป มันร่ายเวทมนต์ใส่วานิลลาทำให้วานิลลาเจ็บปวดมาก ที่ทำไปก็เพื่อให้วานิลลาและฟางเจ็บปวด ชิงชังมันจนมีพลังมากพอที่จะเรียกแร็คนาร็อคออกมาขยี้มัน ทำลายฟัลซิโอฟานที่เป็นผู้ค้ำจุนโคคูน และทำให้โคคูนล่มสลายไปได้ แต่ฟางที่เห็นวานิลลาทรมานก็ทนไม่ได้ เธอบอกว่าเธอจะเรียกแร็คนาร็อคแทนวานิลลาเอง ออฟานปล่อยวานิลลาลงมา และตั้งใจจะใช้ฟางเพื่อเรียกแร็คนาร็อคแทน วานิลลาบอกว่าเธอไม่เป็นไร แต่ฟางจะยอมทำตามมันไม่ได้นะ เราต้องปกป้องโคคูนสิ แต่ฟางที่ไม่อยากเห็นวานิลลาต้องเจ็บปวดเลยฝืนใจตัวเองด้วยการชักออกขึ้นมา จะฟาดใส่วานิลลาให้เงียบ แต่สโนวกับซัสซ์ก็ช่วยกันเข้ามาจับฟางเอาไว้ ทว่าฟางที่มีพลังโจมตีมากที่สุดในกลุ่มก็สามารถสะบัดทั้งสองออกไปได้ แล้วยังถีบสโนวจนกระเด็นไปไกล เธอตัดสินใจกระโดดขึ้นฟ้าแล้วใช้ท่าไม้ตาย "ไฮวินด์" ลงมาใส่ทุกคน เพื่อที่เธอจะได้เรียกแร็คนาร็อคได้... เพื่อที่วานิลลาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด... การโจมตีนั้น ทำให้ซัสซ์ สโนว โฮป และไลท์นิ่งที่ขัดคำสั่งของฟัลซิ ได้กลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ไปเรียบร้อย ฟางกับวานิลลาต่างก็ตกใจมาก แล้วเพื่อนทั้งสี่ที่กลายร่างแล้วก็เข้ามารุมทำร้ายฟาง ซึ่งฟางที่เศร้าสลดก็ไม่กล้าตอบโต้ทำร้ายเพื่อนๆ วานิลลาพยายามบอกให้ทุกคนหยุดนะ แต่ก็ไม่เป็นผลอะไร จนสุดท้ายฟางก็สลบลงไป พร้อมกับเพื่อนทั้งสี่ที่กลายร่างแล้วก็ล้มคว่ำลงไปด้วยกัน
แต่แล้ว...ฟางก็ลุกขึ้นมาอีกครั้ง สัญลักษณ์แห่งลูซิของเธอได้ส่องแสงและเปลี่ยนจากสีน้ำเงินมาเป็นสีแดง ฟางที่โกรธจัดกลายร่างเป็นสัตว์อสูร แต่ก็ยังมีพลังไม่มากพอถึงระดับแร็คนาร็อค ฟางในร่างสัตว์อสูรเข้าไปสู้กับออฟานแต่ก็สู้ไม่ได้ จนในที่สุดฟางก็กลับคืนสู่ร่างปกติ เพื่อนทั้งหมดที่กลายร่างเป็นมอนสเตอร์และหมดสติไป กำลังนึกถึงการเดินทางทั้งหมดที่ผ่านมา ความลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญ ดราม่าที่เกิดมาด้วยกัน แล้ววานิลลาก็บอกทุกคนว่า "อย่าสิ้นหวังนะ" เราต้องช่วยกันปกป้องให้ได้สิ เสียงนั้น...ได้ส่องผ่านเข้าไปถึงจิตใจของเพื่อนทุกคน แม้ว่าจะกลายเป็นมอนสเตอร์ไปแล้วก็ตามที ออฟานที่ยังคลั่งอยู่ ได้ใช้เวทจับฟางขึ้นมา มันยิงเวทใส่ฟาง ให้เธอทรมาน แล้วก็ใช้เวทรักษาให้ จากนั้นก็ยิงเวทเพื่อทรมานใหม่ แล้วก็รักษาให้ใหม่ สลับไปมาไม่รู้จบ เพื่อให้ฟางได้ลิ้มรสชาติของความทนทุกข์ที่ไม่มีวันจบสิ้น และเพื่อทำให้วานิลลาเกลียดมัน วานิลลาจะได้สติแตกและกลายร่างเข้าเป็นแร็คนาร็อคมาทำลายมันและทำลายทุกสิ่ง ให้พินาศไป วานิลลาเดินเข้าไปจะช่วยฟาง แต่ฟางที่โดนทรมานอยู่กลับบอกให้วานิลลาหนีไป แต่วานิลลาก็บอกว่าเธอจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว ทันใดนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นเมื่อมีกระสุนเวทจำนวนมากโจมตีเข้าใส่ออฟาน อย่างรุนแรงจนควันโขมง ฟางที่หลุดจากการทรมานก็กระเด็นออกมาแต่ก็ได้สโนวที่ กลับสู่สภาพปกติแล้วรับเอาไว้ โฮปเดินเข้ามาช่วยฟื้นพลังให้กับฟาง แล้วไลท์นิ่งกับซัสซ์ที่เป็นคนกระหน่ำยิงเวทใส่ออฟานก็บอกว่ายังไม่สิ้นหวัง สโนวจะขอโทษฟางที่ตอนกลายเป็นมอนสเตอร์ได้ทำร้ายเธอ ไลท์นิ่งก็จะเอาหอกคืนให้กับฟาง วานิลลาถามว่าทำไมทุกคนถึงกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ล่ะ โฮปบอกว่าไม่รู้สิ คงเป็นเพราะปาฏิหาริย์ล่ะมั้ง พวกเราได้นึกถึงการเดินทางที่ผ่านมา เวลาที่พวกเราได้เคยมีอยู่ร่วมกัน ทุกข์สุขที่เคยมีมาด้วยกัน แล้วพวกเราก็กลับคืนร่างมนุษย์อีกครั้ง นั่นแสดงว่าพวกเราไม่ได้อยู่อย่างเดียวดาย เราถึงกลับมาได้ ออฟานจะร้องอ๊ากกดังลั่น ก่อนที่จะจมน้ำลงไปเพื่อเปลี่ยนเป็นร่างสุดท้าย ทุกคนจะชักอาวุธเตรียมพร้อมสู้ มันคือการต่อสู้เพื่อปกป้องโคคูน ปกป้องความฝันของทุกคน และปลดปล่อยมนุษย์จากการครอบงำของฟัลซิ สัญลักษณ์แห่งลูซิของแต่ละคนจะกลายเป็นสีฟ้า สัญลักษณ์ของลูซิผู้ทรยศ แล้วฟัลซิออฟานก็จะลอยจากน้ำขึ้นมาใหม่ พร้อมกับเสียงหัวเราะอันดังสนั่นของมัน แต่ไลท์นิ่งที่ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย ก็บอกว่าพวกเราจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ....หน้าที่ในฐานะมนุษย์!!
และแล้วก็ถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเกม เราต้องเผชิญหน้ากับ BOSS:ออฟานร่างสุดท้าย มันมีพลังชีวิต 3.39 ล้าน พอเริ่มการต่อสู้มันจะร่ายเวทแห่งความตายใส่เราเพื่อเป็นการนับเวลาถอยหลัง เมื่อเวลาหมดเมื่อไหร่เราจะตายทันที เวลาปกติการโจมตีธรรมดาทั้งทางกายภาพและเวทมนต์จะไม่สามารถทำความเสียหายให้ กับมันได้ มีแต่ท่าไม้ตายของแต่ละคนเท่านั้นถึงจะลดพลังมันได้ สิ่งที่เราต้องทำจริงๆ ในการสู้กับมันไม่ใช่การกระหน่ำโจมตีด้วยท่าไม้ตาย แต่เป็นการกระหน่ำทำเชนให้มันเบรคไวๆ เมื่อมันเบรคแล้วการโจมตีธรรมดาถึงจะใช้ได้ผลกับมัน หากเราโจมตีมันไปเรื่อยๆ แล้วมันยังไม่เบรค ซักพักมันจะใช้ท่าไม้ตายซึ่งสร้างความเสียหายไม่มากนัก แต่ทำให้เชนทั้งหมดที่เราทำมาหายไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เราจึงควรเซ็ตให้ไลท์นิ่งเป็น Leader ในสภาพ Blaster แล้วให้เพื่อนอีก 2 คนเป็น Blaster กับ Jammer เมื่อมันเข้าสู่สภาพเบรคแล้ว ให้เปลี่ยนเพื่อนทั้งสองเป็น Attacker หรือจะเปลี่ยนเป็น Attacker กับ Blaster ก็ได้ แต่ให้ไลท์นิ่งเป็น Blaster เหมือนเดิมเอาไว้ แล้วให้ไลท์นิ่งกระหน่ำใช้ท่าไม้ตาย "ซีนไดรฟ์" ใส่มันเพื่อที่ % การเชนจะได้พุ่งขึ้นถึง 999% เร็วๆ ถ้าถึง 999% แล้วก็เปลี่ยนไลท์นิ่งเป็น Attacker ช่วยโจมตีไปอีกคนด้วย พยายามทำเวลาให้เร็วที่สุด เพราะหากปราบมันได้ด้วยคะแนนระดับ 5 ดาว เราจะได้ Trophy เพิ่มอีกใบ ในการสู้กับมันนั้น ไม่จำเป็นต้องบัฟพลังป้องกัน และไม่ต้องเติมพลังให้บ่อย เพราะออฟานร่างสุดท้ายโจมตีค่อนข้างเบา หากเรามัวแต่บัฟและเติมพลังก็จะเสียเวลาทำเชน ควรทุ่มไปที่การทำเชนอย่างเดียว แล้วจะชนะมันได้ครับ
เมื่อกำจัดฟัลซิออฟานที่เป็นฟัลซิที่คอยค้ำจุนโคคูนอยู่ ได้แล้ว โคคูนก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเตรียมตกลงสู่พัลส์ ด้านนอกจะถล่มกันวินาศสันตะโร ภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งราวกับว่านี่เป็นวันสิ้นโลก ซัสซ์ สโนว โฮป และไลท์นิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศจะพยายามจับมือเกาะกลุ่มกันเอาไว้ สโนวจะพยายามเรียกวานิลลาให้เข้ามาร่วมวงด้วย แต่พอหันไปดูก็เห็นวานิลลาและฟางที่สบตาแบบรู้ใจกันกำลังจับมือกันสองต่อ สองอยู่ พวกเธอคิดจะทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ หน้าที่ในการเรียกแร็คนาร็อค สัตว์อสูรที่มีพลังสูงสุดออกมา แต่นั่นไม่ใช่เรียกเพื่อมาทำลายโคคูน หากแต่เป็นการเรียกแร็คนาร็อคมาเพื่อช่วยเหลือโคคูน วานิลลาและฟาง ดูดกลืนมอนสเตอร์ต่างๆ ที่อาละวาดอยู่ในโคคูนมารวมร่างกัน จนเกิดเป็นสัตว์อสูรตัวใหม่ที่มีรูปร่างขนาดมหึมา ชื่อของมันคือ "แร็คนาร็อค" ซึ่งเจ้าแร็คนาร็อคนี่ก็ได้ส่งมนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ในโคคูนให้ลงไปยังพัลส์ จากนั้นแร็คนาร็อคก็ได้พุ่งเข้าไปบริเวณใต้ดาวโคคูนที่กำลังจะตกลงมาใส่พัล ส์ มันใช้แขนจำนวนมากของมันแบกรับโคคูนที่กำลังถล่มลงมาไว้ แต่ราวกับว่าลำพังพลังของมันจะไม่สามารถหยุดการร่วงหล่นของดาวทั้งดวงได้ มันจึงเรียกลาวาจากพัลส์ให้พุ่งพวยขึ้นฟ้า มาปะทะเข้ากับตัวมัน มาปะทะเข้ากับโคคูนทั้งใบ จากนั้นมันก็ใช้พลังอำนาจ แปรสภาพลาวาที่พุ่งขึ้นมาและแปรสภาพร่างกายของมันเองให้กลายเป็นเสาผลึกคริ สตัล เพื่อที่เสานั้นจะได้อยู่เป็นแกนค้ำจุนโคคูนไม่ให้ตกลงมาสู่พัลส์ได้นั่นเอง ไลท์นิ่ง โฮป สโนว และซัสซ์ที่ถูกส่งมายังพัลส์และกลายเป็นคริสตัลเพราะทำหน้าที่ในการกำจัดออ ฟานได้สำเร็จ กลับสู่สภาพปกติเพราะบัดนี้ราชาแห่งฟัลซิได้ไปแล้วไปลับไม่กลับมาจริงๆ แล้ว พวกพ้องทั้งสี่จ้องมองโคคูนที่ถูกปกป้องเอาไว้ด้วยความ ยินดี แม้ว่าจะไม่มีคนอยู่แล้ว แต่ดาวที่พวกเขาเกิดและเติบโตมา ก็ยังคงตั้งตระหง่านอย่างสง่างามอยู่บนท้องฟ้าอันสดใส เมื่อมองซ้ายมองขวา ก็ได้เห็นทหารและชาวบ้านทั้งหมดที่ถูกส่งลงมาจากโคคูน นั่นแปลว่าพวกเขาสามารถช่วยเหลือทั้งมนุษย์และโคคูนเอาไว้ได้
รอยยิ้ม ปรากฏบนใบหน้าทุกคนอย่างช้าๆ แต่ยาวนาน... ระหว่างนั้นโฮปก็ยกแขนขึ้นมาดูแล้วพบว่าสัญลักษณ์ลูซิของตนหายไปแล้ว ไลท์นิ่งรีบหันมาจับหน้าอกของตนแล้วพบว่าสัญลักษณ์ได้หายไปเช่นกัน ทั้งซัสซ์กับสโนวเองต่างก็ดีใจ เซร่าและแดจซ์ ที่หายจากสภาพคริสตัลแล้วก็ค่อยๆ เดินผ่านแถวนั้นมาด้วยกัน (คริสตัลแตกไปแล้วไม่ใช่เหรอ...เฮ่ยยย!?) พอโจโคโบะน้อยเห็นแดจซ์เท่านั้น มันก็รีบบินไปหา เซร่ารีบทักให้แดจซ์เห็นทุกๆ คนที่รอพวกเขาอยู่ด้านหน้า ว่าแล้วแดจซ์ก็วิ่งเข้าไปสวมกอดกับซัสซ์ที่วิ่งเข้ามาพร้อมตะโกนชื่อลูกชาย ตัวดีดังลั่น สโนวกับไลท์นิ่งเอง พอได้เห็นเซร่ากลับมาเป็นปกติแล้วก็เผลอฉีกยิ้มซะจนหลุดมาดเจ๊เครียด... เป็นฉากที่ไลท์นิ่งดูมีความเป็นผู้หญิงมากที่สุด และดูสวยที่สุดในเกมเลยทีเดียว (ปกติออกจะแมน) ทั้งสโนวและเซร่าต่างก็วิ่งเข้ามาสวมกอด และร้องเรียกชื่อของกันและกัน ด้านโฮปเอง เขามองซ้ายแลขวา แล้วก็บอกว่าสองคนนั้นหายไปไหน? ว่าแล้วก็คอตก แต่ก็ได้ไลท์นิ่งเข้ามาโอบหลังเอาไว้ โฮปบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าชะตากรรมจะไม่อยากให้เราได้พบกันอีก แต่พวกเราก็จะทำปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นเอง เซร่าที่กอดกับสโนวจนอิ่ม ก็วิ่งเข้ามากอดกับพี่สาวของเธอบ้าง ไลท์นิ่งเองก็ยิ้มๆ แล้วบอกว่าขอโทษนะ (สำหรับเรื่องที่ผ่านมา) แต่สโนวก็ดึงเซร่ากลับมาโอบแล้วบอกว่า เฮ่ยๆๆ คำพูดนี้ผมต้องเป็นคนพูดต่างหาก ขอโทษนะ แต่ยกน้องสาวให้ผมเถอะ! ว่าแล้วสโนวก็ผงกหัวให้ใหญ่ ไลท์นิ่งเองก็ขำ โฮปถามว่าจะแต่งงานกันเร็วๆ นี้แล้วเหรอ? ซัสซ์ก็ถามเสริมว่าแล้วเมื่อไหร่ล่ะ?
สโนวก็ตะโกนดังลั่นตามมาว่า "ไม่ต้องห่วง! ต่อไปนี้ผมจะทำให้ทั้งสองคนมีความสุขเอง!!"
ไลท์นิ่งเลยตอบกลับมาว่า "ฉันเชื่อนะ" เล่นเอาสโนวกับเซร่าต้องร้อง เฮ่ย!! ด้วยความตกใจ
"ยินดีด้วยค่ะ" ....เอเครลกล่าวปิดท้ายเพื่ออวยพรให้กับความสงบสุขที่จะมาถึง เธอเชื่อมั่นในอนาคตอันนั้น
เพราะบัดนี้ เธอมีเขาอยู่ที่นี่แล้ว.....
ทางด้านวานิลลาและฟางที่กลายเป็นคริสตัลด้วยความตั้งใจ ของตัวเอง ก็คิดว่าเวลาที่ขออวยพรให้ จะทำให้ชะตากรรมแปรเปลี่ยนไป เมื่อชะตากรรมได้กำหนดให้พวกเราพบกันอีกครั้ง พวกเราจะได้พบกันใหม่ในอนาคตอย่างแน่นอน....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น