ผู้ติดตาม

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Story Lv 2 Mission 8

   เรือเหาะ Celsius - 0.4 % ( Total Story 42.2 % )
   เราจะพบเหตุการณ์บนเรือเหาะอัตโนมัติ โดยพวก Leblanc จะมาอยู่บนยานพวกเรา พร้อมออกคำสั่งให้เดินทางไป Bevelle ซึ่ง Brother จะบอกหยุดก่อนเลยยัยผมทอง ยูน่า เราจะไปที่ไหน จากนั้น Leblanc จะบอกว่า เธอก็จะไปช่วยโลกสปีร่าน่ะสิ  ซึ่งยูน่า จะบอกว่า ไพน์จะบอกว่า ยูน่า ชอบพาตัวเธอไปเจอปัญหาอีกแล้ว  ซึ่งยูน่าจะบอกว่า พวกเราจะไปที่นคร Bevelle ที่นี่น่าจะมี Sphere เยอะแยะมากมาย ทำไมพวกเราไม่ไปตามล่าพวกมันล่ะ  ซึ่ง Leblanc จะบอกว่า เป็นอันตกลง ยูน่าช่างเป็นคนดี๊ คนดี

   Bevelle - 2.6 % ( Total Story 44.8 % ) Hot Spot
   พอเราเข้ามา ริคคุ จะสงสัย เราจะทำกันอย่าไงร Leblanc จะบอกว่า ลักพาตัวผู้นำและบังคับเขาพาไปหา Vegnagun จากนั้นก็ รุกฆาตซึ่ง ยูน่าจะว่าแผนไม่เลวเลย Ormi จะบอกว่า เขาไม่มีปัญหากับแผนนี้เลย เป้าหมายคือ Praetor Baralai ซึ่ง Logos จะบอกว่า ผู้ชายที่ดูเหมือนผู้หญิงเยี่ยงนั้น แทบจะไม่มีโอกาสต่อต้านเลยเลยถ้าไม่คนช่วยเหลือเขา ซึ่งไพนื จะเตือนว่า ว่าเขาแข็งแกร่งมากกว่าที่เราเห็น จากนั้นทหารจะเข้ามา แล้วที่ Leblanc จะฝากเราจัดการ แล้วเผ่นไป

   หลังปราบเสร็จ ให้เราเดินตรงไปเข้าประตูด้านบน ถ้าเราคุยกับทหารระหว่างทาง เราต้องต่อสู้เป็นระยะๆ ให้เราไปตามทางจนเข้าไปถึงด้านในของนคร Bevelle ที่ห้องโถงนี้ ให้เราเลือกไปด้านขวาก่อน จากนั้นปีนขึ้น Platform เพื่อเปิด Switch ประตูทางซ้ายจะเปิด จากนั้นกลับไปที่ห้องโถงแล้วไปทางซ้ายมือ และให้สัมผัส Hologram อันด้านล่าง จากนั้นกลับมาที่ห้องโถง ไปขึ้นลิฟท์ตรงกลาง

   โซนต่อมา เราจะมาโผล่ที่ Cloister of Trials ริคคุจะประหลาดใจ ว่าทำไมที่นี่ มีมอนสเตอร์เต็มไปหมด ซึ่งไพน์จะบอกว่า ความลับของวิหารเริ่มโผล่ออกมาแล้วสินะ อย่าพลาดท่าให้มอนสเตอร์เสียล่ะ จากนั้นให้เราไปตามทาง ( ซึ่งจะเป็นเส้นทางเดียวกับภาคที่แล้วเลย ) เราจะพบ มอนสเตอร์เป็นระยะๆ และส่วนมากมันจะเฝ้าบริเวณสมบัติ ให้เราไปตามลูกศรสีแดง มันจะชี้ทางไปด้านซ้าย แล้วไปด้านบน จากนั้นไปทางขวา เราจะไปอีกชั้นนึง ที่ชั้นสองให้เราขึ้นไปด้านบน แล้วไปด้านขวา เราจะหลุดออกจากที่นี่ ให้เราผ่านจุดเซฟไปด้านขวา เราจะโผล่มาที่ห้องดีตมี Fayth อยู่ แต่ตอนนี้เป็นหลุมขนาดใหญ่ พวกเราจะกระโดลงไปตามหลุมนั้น

    พอเราลงมาเรา เราจะตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ซึ่งไพน์จะบอกว่า พวกเยวอนชอบซ่อนสิ่งต่างต่างๆ แต่นี่มันช่างดูขันเสียนี่กระไร จากนั้น Leblanc จะบอกว่าเหมือนที่ Nooj บอกเอาไว้เลย พอได้มองสิ่งนี้ แสดงว่าต้องมีสิ่งที่น่าเหลือเชื่อมากๆอยู่ข้างใต้นี้แน่ Ormi จะพูดว่า ครั้งนี้พวกเราจะพบเจออะไรเนี่ย ซึ่ง Logos จะบอกว่า พวกเราต้องยอมรับพวกเขานะ ที่สามารถซ่อนสิ่งที่ดูใหญ่โตขนาดนี้ได้ จากนั้นยูน่าจะให้ Leblanc เฝ้าทางออกเอาไว้ ซึ่งเธอจะบอกว่า เธอไม่รับคำสั่งใคร แต่จะยกเว้นให้ครั้งนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราได้เลย ที่รัก จากนั้นให้เราไปทางขวาบนของระเบียง เราจะสไลด์ลงมากับโซ่เพื่อลงมาด้านล่าง
    หมายเหตุ ที่นี่จะได้เครื่องประดับในตำนาน Ribbon ซึ่งวิธีทำ ผมจะอธิบายให้ฟังง่ายๆนะครับ ให้ทำตามที่บอก ตามลำดับ รับรองได้แน่ครับ ( บางคนอาจจะมีวิธี ที่ง่ายกว่านี้ แต่ผมอธิบายแบบนี้ เพื่อให้หลายๆคน เข้าใจได้ง่ายที่สุดนะครับ ) แนะนำใส่ Charm Bangle เพื่อไม่ให้เจอมอนระหว่างทางได้
1. ให้เราสัมผัส สัญลักษณ์ ทุกเสา โดยแต่ละต้นจะมี มอนเสตอร์เฝ้าอยู่ ปราบมันซะ แล้วเราจะปลดล็อค แท่นยืนสามแท่น ลงไปด้านล่างได้ โดยแท่นทั้งสามนี้ จะไม่สามารถเขยื้อนได้
2. แท่นยืนแรก ที่เราสามารถลงไปได้ ต่อหน้าเสา ให้เรานับเสานี้เป็นต้นที่ 1 นะครับ จากนั้นเราจะพยายามต่อบันได ลงไปด้านล่าง โดยแท่นยืน 4-6 เราสามารถขยับเขยื้อนได้ โดยเราต้องทำให้มันต่อยาวทอดลงไปด้านล่าง
3. ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ไปเสาต้นที่ 2 ให้สัมผัสสัญลักษณืที่เสา ปราบมอนสเตอร์ที่เฝ้าเสาซะ ไฟหน้าเสาจะเป็นสีแดง เราจะสามารถขยับแท่นยืนได้แล้ว โดยย้อนกลับไปเสาแรก ให้สัมผัสสัญลักษณืที่เสา ปราบมอนสเตอร์ที่เฝ้าเสาซะ จะทำให้ แท่นยืนที่ 4 ขยับทุกครั้งที่เราปราบบอสเฝ้าเสา ปราบจนแท่นยืนที่ 4 ไปต่อกับแท่นยืนที่ 3 จนเรากระโดดลงไปต่อเนื่องได้ ( เราสามารถเช็คได้ โดยไปยืนริมขอบวงกลม เราจะดูแท่นยืนด้านล่างได้ ถ้าเห็นไม่ชัดก็ไปยืนดูหน้าเสาต้นอื่นครับ โดยหน้าเสาต้นที่ 5 ดูง่ายสุดครับ เราสามารถปราบบอสที่เสา 1 ไปเรื่อยๆ เพื่อเก็บเลเวลได้ครับ เพราะทุกครั้งที่ปราบ แท่นตามเสาจะเคลื่อน เราสามารถสู้จนเราต้องการได้ )
4. ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ไปเสาต้นที่ 4 ให้สัมผัสสัญลักษณืที่เสา ปราบมอนสเตอร์ที่เฝ้าเสาซะ ไฟหน้าเสาจะเป็นสีแดง เราจะสามารถขยับแท่นยืนได้แล้ว โดยย้อนกลับไปเสาแรก ให้สัมผัสสัญลักษณืที่เสา ปราบมอนสเตอร์ที่เฝ้าเสาซะ จะทำให้ แท่นยืนที่ 5 ขยับทุกครั้งที่เราปราบบอสเฝ้าเสา ปราบจนแท่นยืนที่ 5 ไปต่อกับแท่นยืนที่ 4 จนเรากระโดดลงไปต่อเนื่องได้
5. ให้เดินตามเข็มนาฬิกา ไปเสาต้นที่ 6 ให้สัมผัสสัญลักษณืที่เสา ปราบมอนสเตอร์ที่เฝ้าเสาซะ ไฟหน้าเสาจะเป็นสีแดง เราจะสามารถขยับแท่นยืนได้แล้ว โดยย้อนกลับไปเสาแรก ให้สัมผัสสัญลักษณืที่เสา ปราบมอนสเตอร์ที่เฝ้าเสาซะ จะทำให้ แท่นยืนที่ 6 ขยับทุกครั้งที่เราปราบบอสเฝ้าเสา ปราบจนแท่นยืนที่ 6 ไปต่อกับแท่นยืนที่ 5 จนเรากระโดดลงไปต่อเนื่องได้ ที่ด้านล่าง เราจะพบทางเข้า ให้เราเข้าไป เราจะพบสมบัติ Ribbon

  จากนั้น ให้เรากลับไปที่ แท่นยืนที่ 3 จะมีประตู ให้เราเข้าไป เราไปตามทาง เราจะเจอทางแยก ให้ไปทางขวาก่อน ไปสุดทาง สัมผัสแท่นตรงกลาง ลิฟท์จะปรากฏออกมา ให้ขึ้นไป เราจะได้สมบัติ Downtrodder Garment Grid จากนั้นให้ย้อนกลับมา แล้วไปทางด้านซ้ายแทน เราจะพบเสาสองเสา ให้เราปีนทั้งสองด้าน สะพานจะยื่นออกมาไปฝั่งตรงข้าม ให้ข้ามไป

    ที่ห้องนี้เราจะพบเครื่องจักรขนาดใหญ่ ที่ทางซ้ายมือของห้อง จะมีแท่นบนพื้น ขนาดใหญ่ ให้เราเหยียบ แล้วเครื่องจักรกลางห้องจะหยุด ให้เราปีนขึ้นไปได้ ให้ยูน่า เหยียบตอนที่ แท่นตรงกลางลดตัวต่ำลงจนปีนได้ และแท่นทางซ้ายหรือขวาเคลื่อนไปบนสุด จากนั้นให้เราปีนไปบนเครื่องจักร แล้วปีนไปด้านที่แท่นเคลื่อนไปบนสุด เราจะกระโดดมาที่ ทางเดินด้านบนได้ โดยซ้ายสุด เราจะพบ สมบัติ Bloddlust ช่วงที่เราอยู่ทางเดินด้านบน เราจะสามารถสั่งให้ริคคุ เหยียบให้เครื่องจักรหยุดแทนได้ โดยการกด ◻ โดยให้ริคคุเหยียบตอน แท่นด้ายซ้ายขึ้นมาบนสุด แท่นด้านขวาเคลื่อนลงไปต่ำสุดตรงประตู เพื่อให้เราปีนกลับ แล้วลงไปประตูด้านขวาได้ครับ โดยออกประตูไปเราจะพบสมบัติ Wring จากนั้นให้ปีนกลับออกมา แล้วออกประตูไปด้านซ้าย

   ไปตามทาง พอเราสัมผัสกำแพง จะมี ลิฟท์ 3 ตัว ปรากฏออกมาแทน ให้เราแก้ปริศณาตามนี้ ให้ขึ้นลิฟท์ด้านซ้าย พอมาด้านบน ให้เราเดินลงมาด้านล่าง ให้กระโดลงมา เราจะเจอสองลิฟท์ ให้ใช้ลิฟท์ตรงกลาง ด้านบน ให้เราปีนไปกด Switch แล้วลงมา จากนั้นให้ขึ้นลิฟท์ทางขวา พอมาอยู่ชั้นสอง ให้เราขึ้นลิฟท์ทางซ้ายมือ จากนั้นพอเราลงมา ให้ขึ้นลิฟท์ตรงกลางอีกครั้ง ด้านบน ให้เราปีนไปกด Switch แล้วลงมา จากนั้นขึ้นลิฟท์ทางซ้ายมือเพื่อไปที่ชั้นสองอีกครั้ง คราวนี้ ให้ปีนขึ้นแท่นตรงกลางทั้งสองอัน แล้วไปขึ้นลิฟท์อันท้ายสุด เราจะขึ้นมาชั้นบน

   ที่ชั้นนี้ ที่เราแก้ปริศนา ทั้งหมดเมื่อกี๊ เพื่อสร้างทางเดินไปเอาสมบัติ Dark Knight Dressphere ให้เซฟให้เรียบร้อย ไปด้านบนเราจะพบ Baralai เขาจะแปลกใจเล็กน้อย ที่รู้ว่าผู้บุกรุกเข้ามาคือ Gullwings แต่เขาจะพอเข้าใจเหตุผลที่เรามา พวกเธอคงมาที่นี่เพื่อทำลาย Vegnagun อาวุธที่คุกคามโลกสปีร่าสินะ ถ้ามันทำลายได้พวกเราทำไปนานแล้ว แต่ Vegnagun พวกเราไม่ควรไปยุ่งกับมัน ทั้งเธอและ Nooj ควรเข้าใจตรงจุดนั้นนะ ไพน์จะถามว่า ได้คุยกับ Nooj แล้วรึ ซึ่งเขาจะตอบว่า ชายคนนี้ไว้ใจไม่ได้ ซึ่ง ริคคุจะบอกว่า แล้วนายไว้ใจได้รึ เขาจะบอกว่า ใช่ ถึงแม้ว่า เยวอนจะทำตัวไม่น่าเชื่อใจก็ตาม อย่าไรก็ตาม อย่ามายุ่งเรื่องนี้ดีกว่า ปล่อย Vegnagun เป็นหน้าที่เขาไป ซึ่งยูน่า จะถามว่ามีแผนอะไร เขาจะบอกว่า อย่างเดียวที่ฉันทำได้ ทำให้ Vegnagun ห่างไกลจากผู้ที่จะมาทำลายมัน ได้โปรดกลับไปซะ ซึ่งไพน์ จะไม่ยอม ซึ่ง ยูน่า จะบอกว่า เธอคงมีเหตุผลส่วนตัวสินะ ริคคุ จะบอกว่า ต้องบอกพวกเราตอนหลังด้วยนะ ซึ่งไพน์จะบอกว่า ตอนหลังนานๆเลยนะ จากนั้นเราจะสู้กับบอส Boss Baralai
Tip: Enemy Skill : Drill Shot บอสตัวนี้ จะใช้ท่า Driil Shot ทุกครั้งที่โดนโจมตีครบสิบครั้ง โดยเราสามารถ Heal เขาได้ โดยนับเป็น 1 ครั้ง โดยเราสามารถโจมตีไป Heal ไปได้ โดยครั้งที่ 10 ก็ให้คนที่จะเรียนรู้ท่า โยน Potion ใส่ก็ได้ โดยบอสตัวนี้ จะมีท่าโจมตีหมู่ และ ท่าโจมตี MP โดยท่านี้จะอันตรายตรงติด Stop ด้วย ให้ใส่ Ribbon กันไว้ ถ้าคนไหนโดน ให้แก้ซะ เพราะจะเสียเปรียบเป็นอันมาก การใช้ท่า Blue Bullet Mighty Guard จะช่วยทีมได้มาก

   หลังปราบเสร็จให้เรากลับไป Save เพราะต่อไปเราจะเจอของจริงแล้วครับ ให้เดินทางไปต่อ เราจะออกมาห้องโถงใหญ่ ที่สุดปลายทางเราจะพบ Bahamut!!!!!!! ยูน่าจะตกใจเป็นอย่างมาก เธอจะออกไปห้าม ซึ่งไพน์จะขวางไว้ ว่าจะฆ่าตัวตายรึไง พวกเราไม่ทางเลือกแล้ว เราจะต้องสู้กับ Boss Dark Bahamut
   Tip : ให้เราใช้ Mighty Gurad เพื่อป้องกันการเสียหาย จากนั้น ให้ Warrior ใช้ Power Break , Armor Break ถ้า Bahamut นับถอยหลัง เขาจะใช้ท่า Mega Flare โดยท่าเราทำตามที่บอก ดาเมจจะลดไม่มาก จัดเต็มเขาซะ อาชีพใหม่ที่ได้ Dark Knight จะโจมตีได้แรง
   หลังปราบเสร็จ เราจะพบเจอหลุมขนาดใหญ่ Vegnagun หายไปแล้ว จากนั้น Brother จะติดต่อให้เรารีบกลับมาเรือเหาะโดยด่วน เราจะจบ Chapter 2

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น